ททท.คาดสงกรานต์สะพัดกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท หวังราคาน้ำมันลงหนุนต่างชาติบินเข้าไทย

ททท.รอประเมินหลังสงกรานต์ หากผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตยอดไม่เพิ่มพร้อมเสนอเรื่องเข้าสู่การประชุม ศบค.อีกรอบคาด 22 เม.ย. เพื่อลดระดับความเข้มข้นการผ่อนคลายของชาวต่างชาติที่จะเข้าประเทศไทย คาดสงกรานต์เงินสะพัดกว่า 1.1 หมื่นล้าน คนเดินทางไม่น้อยกว่า 3.34 ล้านคนครั้ง พร้อมยืนเป้ารายได้ทั้งปี 656,000 ล้านบาท ด้าน ททท.ภาคเหนือ สงกรานต์ปลุกความคึกคัก คาดอัตราจองห้องพักเพิ่ม 36.7% จับตาราคาน้ำมัน ตัวแปรเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงความคืบหน้าผลการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศบค.) เมื่อวันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2565 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเพื่อรองรับเทศกาลสงกรานต์ในระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย.นี้ว่า ที่ประชุม ศบค.เป็นเพียงแค่รับหลักการเกี่ยวกับแนวทางของมาตรการต่างๆ เท่านั้น โดยจะต้องมีการประเมินหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว ทั้งในเรื่องของอัตราตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอัตราการเสียชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

“ในแนวทางที่ ททท.เสนอต่อ ศบค.ไปครั้งล่าสุด ดูเรื่องความเข้มข้นของการผ่อนคลาย เช่น การตรวจหาเชื้อจะเป็นแบบตัวหรือไม่ต้องตรวจ ถ้าตรวจหาเชื้อจะเป็นแบบ ATK หรือไม่ ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับตัวเลขหลังสงกรานต์ เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการประชุม ศบค.นัดถัดไปในวันที่ 22 เม.ย.นี้” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

สำหรับภาพรวมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องติดต่อตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายนนี้ นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทาง ททท.ได้ร่วมกับกรมอนามัย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในเรื่องการรณรงค์ในโครงการ “เดินทางด้วยรถไฟ ท่องเที่ยวปลอดภัย ใช้ชีวิตแบบ Next Normal” ณ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในการเดินทางด้วยรถไฟท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย โดยมีมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข จะช่วยให้ประชาชนกล้าที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากขึ้น

“ททท.ประเมินว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.34 ล้านคนครั้ง และเราหวังว่าจะมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนประมาณ 11,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 41% ขณะที่บรรยากาศสงกรานต์ปี 65 จะคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา”

นอกจากนี้ ททท.เตรียมขยายผลความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยการกระตุ้นการตลาดนักท่องเที่ยวร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มขนส่ง และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีการบริการตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด โดยคาดว่าตลอดปี 2565 นี้ จะส่งเสริมให้เกิดการเดินทางได้ไม่น้อยกว่า 165 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพรวมตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 656,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ ตัวเลขเป้ารายได้รวมคงต้องมาประเมินหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์อีกครั้ง

น.ส.สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า แม้นักท่องเที่ยวต่างประเทศจะน้อยลง แต่เราต้องทุ่มเท ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ยังแข็งแรง และมีความเชื่อในเรื่องศาสนา ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโต โดยภาพรวมของสงกรานต์ทางภาคเหนือ คาดมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยอัตราการจองห้องพักจะเพิ่มขึ้น 36.7% มีผู้ที่จะเข้ามาทางภาคเหนือประมาณ 4 แสนคน โดยจังหวัดที่สร้างรายได้มากที่สุด ยังคงเป็นจังหวัดเชียงใหม่ และภาพรวมการจองเที่ยวบินในช่วงสงกรานต์ของแต่ละสายการบินเพิ่มมากขึ้น และหากสถานการณ์เรื่องผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 ไม่สูงมากนัก คิดว่าในเดือนพฤษภาคมจะเป็นเดือนทองของผู้ประกอบการ มีวันหยุดติดต่อหลายวัน

สำหรับการที่ประเทศไทยจะเริ่มประกาศให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นนั้น นใส.สมฤดี กล่าวว่า ททท.คาดหวังให้มาเร็วๆ ทำให้ความกังวลเรื่องโควิดจะเบาลงไปเยอะ ซึ่ง ททท.เตรียมแผนในการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศอย่างเต็มที่ เที่ยวแล้วให้หายคิดถึง ส่วนต่างประเทศอาจจะต้องดูอีกระยะหนึ่ง เพราะปัจจัยราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาโดยสารเครื่องบิน หากไตรมาสสุดท้ายสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น ราคาน้ำมันลดลง ทำให้ปัจจัยของค่าโดยสารเครื่องลดลงมา น่าจะตอบโจทย์ที่ดี และชาวต่างชาติต้องการมาเที่ยวประเทศไทย

“สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว คือ ปรับโปรดักต์ให้เข้ากับนิว นอร์มอล ถึงแม้วันนี้โควิดจะมาถึงสถานการณ์ปกติ แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยน เราต้องจับประเด็นให้ได้ว่าตัวนิว นอร์มอล ที่เราต้องเปลี่ยนคืออะไรที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว และดึงเม็ดเงินออกจากกระเป๋าได้ และอันสุดท้าย อยากให้ประชาชนเป็นเจ้าบ้านที่ดี”

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket